วันที่ 03 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เวลา 21:35:55 น. มติชนออนไลน์
โยกย้ายนายพลสีกากี ก.ตร.ไฟเขียว 152 เก้าอี้ สลับ 10 ตำแหน่งระดับ ผบช. โยกผบช.ภ.2นั่งผบช.กำลังพล ดึงผบช.ตชด.เสียบแทน จัดทัพผู้การจังหวัด-นครบาลสลับเพียบกลาง-ใต้-อีสาน-เหนือ "ธนพล สนเทศ"คัมแบ๊กคุมตปพ. รอง ผบก.มือดีเรียงแถวขึ้นผู้การศูนย์สืบสวนทั่วทุกภาค "ปรีชา ธิมามนตรี" เป็น ผบก.ศสส.สตม. "วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์" เป็นผบก.ศสส.ภ.8 "เพชรัตน์ แสงไชย"ผบก.ศสส.ภาค 1 "กิตติพงษ์"ผบก.ศสส.ภาค.2
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 กรกฎาคม ที่ห้องประชุมสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ชั้น 7 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย หรือบอร์ดกลั่นกรอง ซึ่งมีรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมประชุม ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที
ต่อมาเวลา 14.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาบัญชีผู้ได้รับการพิจารณาคุณสมบัติเหมาะสมหลังผ่านบอร์ดกลั่นกรอง 152 ตำแหน่ง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม ก.ตร.ได้พิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในตำแหน่งผู้บังคับการถึงผู้บัญชาการ เพื่อปรับเกลี่ยลงในโครงสร้างใหม่ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2552 ซึ่งจะให้มีผลใช้บังคับในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ โดยจากนี้จะมีการแต่งตั้งระดับรอง ผบก. ถึงผู้บังคับหมู่ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน และจะให้มีผลพร้อมกันทั้งโครงสร้าง
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การแต่งตั้งในครั้งนี้ตำแหน่ง ผบช.หลักๆ แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีบางตำแหน่งที่ปรับตามความเหมาะสม แต่หลักๆ คือการเกลี่ยผู้บัญชาการประจำสำนักงาน ผบ.ตร. (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) มาเป็น ผบช.หน่วยใหม่ 4 ตำแหน่ง การแต่งตั้งครั้งนี้หน่วยหลักมากกว่า 95% หรือ 246 ราย อยู่ในตำแหน่งเดิม ส่วนตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยนมี 42 ราย ซึ่งในนี้บางส่วนแค่เปลี่ยนชื่อหน่วยตามโครงสร้างใหม่ ไม่เปลี่ยนตัวบุคคล
"ที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายมีเพียงตำแหน่งผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวน ของกองบัญชาการต่างๆ 10 ตำแหน่ง โดยยึดหลักเอารอง ผบก.ที่มีประสบการณ์ในงานขึ้นมา ถ้าเห็นชื่อก็จะทราบว่าเหมาะสม ชื่อชั้นได้รับการยอมรับ ทั้งนี้ ตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยนนั้นพิจารณาด้วยเหตุผลความจำเป็น ซึ่งในที่ประชุมก็มีการถกกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เห็นด้วยตามที่ ตร.เสนอไป ก็ต้องบอกว่าบางตำแหน่งอาจยังไม่เหมาะสม 100% ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ในการแต่งตั้งวาระประจำปีในอีก 1 เดือนข้างหน้า" โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า สำหรับการแต่งตั้งระดับรอง ผบก.ลงมานั้น ก.ตร.อนุมัติให้ให้มาตรา 56 พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 โดยให้อำนาจ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิจารณา โดยทั้งนี้ให้อำนาจผู้บังบัญชาการและผู้บังคับการหน่วยในการเสนอความเห็นประกอบการแต่งตั้ง โดยการแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นการแต่งตั้งกรณีพิเศษเพื่อปรับโครงสร้าง จึงให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งบางข้อ เช่นต้องอยู่ในหน่วยครบปีถึงจะออกนอกหน่วยได้ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่คาดว่าได้รับการแต่งตั้งประกอบด้วย พล.ต.ท.อัศวิน ณรงค์พันธ์ ผบช.ภ.2 เป็น ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล พล.ต.ท.เกรียงศักดิ์ สุริโย ผบช.ตชด. เป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.ณรงค์ ศิริสุนทร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ตชด. พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่ประสานกองทัพไทย เป็น ผบช.สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ท.สุชัย สุขพันธ์โพธาราม ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่หัวหน้างานตรวจสอบภายใน เป็น ผบช.สำนักงานส่งกำลังบำรุง
พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ จเรตำรวจ (สบ 8) เป็น ผบช.สำนักงานงบประมาณและการเงิน พล.ต.ท.ศิริชัย มีนะกนิษฐ ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่หัวหน้างานตรวจสอบภายใน พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทำหน้าที่ด้านความมั่นคง) พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันท์ ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.พีระพงษ์ ดามาพงศ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น จเรตำรวจ (สบ 8)
พล.ต.ต.สุรพล ทองประเสริฐ รอง ผบช.ประจำ สง. พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ตชด. พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ รอง ผบช.ประจำ สง.พล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รอง ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.สำนักงานกำลังพล พล.ต.ต.วรินทร์ บุญเกียรติ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ พล.ต.ต.ชัยยง กีรติขจร รอง ผบช.ภ.6 เป็น รอง ผบช.ก.ตร.
พล.ต.ต.ชัยณรงค์ วงษ์สุนทร รองจเรตำรวจ เป็น รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.อรรถพร อุทยานานนท์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.สันติ วิจักขณา รอง ผบช.ภ.6 เป็น รอง ผบช.ตส. พล.ต.ต.เกษียร วรศิริ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ยศ. พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสุทธิ์ พุ่มพิเชฏฐ์ รอง ผบช.ประจำ สง.จตช. เป็น รองจเร (สบ 7)
พล.ต.ต.มณสัณ สุขกนิษฐ รอง ผบช.ประจำ ทนท.ฝอ. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็น รองจเรตำรวจ (สบ 7) พล.ต.ต.เรืองชัย วัจนะพุกกะ รอง ผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล เป็น รอง ผบช.ศ. พล.ต.ต.วีระพงษ์ ชื่นภักดี รอง ผบช.ประจำสำนักงาน รอง ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.สกบ. พล.ต.ต.ภูมิรา วัชรปราณีกุล รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.สุรพล ธนโกเศศ รอง ผบช.น. เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.ดำริห์ โชตเศรษฐ์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.อนันต์ ศรีหิรัญ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประพันธ์ พานิคม รอง ผบช.ภ.5 เป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ม.ล.พันธ์ศักดิ์ เกษมสันต์ รอง ผบช.ประจำ สง. รอง ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ก.ตร พล.ต.ต.พิสัณฑ์ จุลดิลก รอง ผบช.ภ.8 เป็น รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ยศ. พล.ต.ต.จิตต์เจริญ เวลาดีวงษ์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ส. พล.ต.ต.วิรัตน์ เกษตรสุวรรณ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ชวน วรวานิช รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.สนว.ตร. พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภ.9 เป็น รอง ผบช.ภ.8
พล.ต.ต.วิบูล ปรองดอง รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.กฎหมายและคดี พล.ต.ต.สุทิน เขียวรัตน์ รอง ผบช.ภ.3 เป็น รอง ผบช.ตชด. พล.ต.ต.ลัทธสัญญา เพียรสมภาร รอง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.สมโชค เจริญพร รอง ผบช.ก.ตร. เป็น รอง ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ยงยศ นาคเฉลิม รองจตร. (สบ 7) เป็น รอง ผบช.สกพ.
พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 เป็น ผบก.จร. พล.ต.ต.วีระพัฒน์ ตันศรีสกุล ผบก.จร. เป็น ผบก.อก.บช.น. พล.ต.ต.สมวุฒิ วรรณพิรุณ ผบก.ทำหน้าที่ ฝอ.ประจำ สนง. พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.น.4 พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก.ภ.จ.ปัตตานี เป็น ผบก.น.9 พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช ผบก.น.8 เป็น ผบก.ประจำ บช.น. พล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงศ์ ผบก.อก.บช.น. เป็น ผบก.น.3 พล.ต.ต.ณธนนต์ สิงหรา ณ อยุธยา ผบก.น.3 เป็น ผบก.น.8 พล.ต.ต.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐพันธ์ ผบก.ประจำ สง.
พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง หน.นรป. เป็น ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็น ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม เป็น ผบก.ประจำ บช.ภ.7 พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบก.ภ.จ.จันทบุรี เป็น ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พล.ต.ต.บัณฑิต คุณจักร์ ผบก.ภ.จ.ชลบุรี เป็น ผบก.ประจำ บช.ภ.2 พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว เป็น ผบก.ภ.จ.จันทบุรี
พล.ต.ต.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบก.ภ.จ.อำนาจเจริญ เป็น ผบก.ภ.จ.สระแก้ว พล.ต.ต.กรกต สาริยา ผบก.ประจำ สง. พล.ต.ท.สถาพร หลาวทอง ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็น ผบก.ภ.จ.อำนาจเจริญ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง ผบก.ภ.จ.น่าน เป็น ผบก.ภ.จ.ตราด พล.ต.ต.เฉลิมพันธุ์ อจลบุญ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็น ผบก.ภ.จ.น่าน
พล.ต.ต.สถิตย์ ต้นสงวน ผบก.ภ.จ.ลพบุรี เป็น ผบก.ประจำ สตม. พล.ต.ต.กิตติ รุ่งเรืองวงษ์ ผบก.ภ.จ.อุทัยธานี เป็น ผบก.ภ.จ.ลพบุรี พล.ต.ต.สักกฉัฐ กิตติขจร ผบก.น.9 เป็น ผบก.อก.สกบ. พล.ต.ต.(ญ.)สร้อยสุรางค์ ศิริณรงค์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ บช.ส. พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.สตม.ภาคกลาง พล.ต.ต.พิทยา ศิริรักษ์ ผบก.ประจำ สง.ผช.ผบ.ตร. เป็นผบก.สตม.ภาคใต้
พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูตร ผบก.ตปพ (191) เป็น ผบก.ศสส.บช.น. พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ตปพ พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.รร.ภ.7พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา สบ 10 เป็น ผบก.อป.บช.น. พล.ต.ต.ชาติชาย แตงเอี่ยม ผบก.ประจำสง. พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ. 4 พล.ต.ต.ยุทธนา ปาละติเสนา ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ประจำ บช.ภ.4 พล.ต.ต.เอื้อพงศ์ โกมารกุล ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ.6 พล.ต.ต.ภักดี จิรางกูร ผบก.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศฝร.ภ.7
พล.ต.ต.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. (พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง) เป็น ผบก.ศูนย์ฝึกอบรม บช.ภ.1 พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.ต.วิชัย รัตนยศ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.มน. พล.ต.ต.ครรชิต วงศ์ใหญ่ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็น ผบก.ประจำ บช.ปส. พล.ต.ต.โรจนฤทธิ์ สถานานนท์ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.วัชรพล เป็น ผบก.ประจำ สตม. พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันท์ ผบก.ประจำ สง. พล.ต.อ.จงรัก เป็น ผบก.ตม.7 พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ รักษาสัตย์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศูนย์ฝึกอบรม บช.ภ.3 พล.ต.ต.วิศนุ ม่วงแพรศรี ผบก.ประจำ ตร. เป็น ผบก.ประจำ บช.ภ.8
พล.ต.ต.สงกรานต์ สังขกร ผบก.ประจำจเร เป็น ผบก.ประจำ บช.ภ.6 พล.ต.ต.ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ผบก.ประจำ ตร. เป็น ผบก.ประจำ บช.ก. พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผบก.กพ. เป็น ผบก.ตม.6 พล.ต.ต.ปิยะพล โมกขะวัธนะ ผบก.ภ.จ.ตราด เป็น ผบก.ศูนย์ฝึกอบรม ภ.2 พล.ต.ต.วีรศักดิ์ ชลายนคุปต์ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น ผบก.ศสส.ภ.6
สำหรับรองผู้บังคับการที่ขยับติดยศ "พล.ต.ต." ประกอบด้วย พ.ต.อ.ปรีชา ธิมามนตรี รอง ผบก.หน.ศส.บช.น. เป็น ผบก.ศสส.สตม. พ.ต.อ.เพชรัตน์ แสงไชย รอง ผบก.หน.ศสส.บช.ภ.1 เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.1 พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข รอง ผบก.หน.ศสส.บช.ภ.2 เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.2 พ.ต.อ.นิคม เฉิดฉาย รองผบก.ภ.จ.บุรีรัมย์ เป็น ผบก.ศสส.ภ.3 พ.ต.อ.จตุพล ปานรักษา รอง ผบก.หน.ศสส.บช.ภ.4 เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.4
พ.ต.อ.สุธีระ ปุณณะบุตร รอง ผบก.ภ.จ.เชียงราย เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.5 พ.ต.อ.วรภัทร์ วัฒนวิศาล รอง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.7 พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รอง ผบก.จเรตำรวจ เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.8 พ.ต.อ.ดำรง วัฒโนดร รอง ผบก.ภ.จ.สงขลา เป็น ผบก.ศสส.บช.ภ.9 พ.ต.อ.อรรถชัย ดวงอัมพร รอง ผบก.ศูนย์ข่าวกรอง เป็น ผบก.ส.4 และ พ.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร รอง ผบก.ป. เป็น รักษาการ ผบก.กพ. เป็นต้น
สำนักข่าวพระอาทิตย์
อาทิตย์สาดส่องความจริงจักปรากฎทั่วทั้งปฐพี
วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ผวาแดงคอมมิวนิสต์-ศก./"ผู้ใหญ่"ส่งสัญญาน/"ชวน"เจรจารัฐบาลแห่งชาติ/"สุเทพ"ไม่ถอย
@@"หน่วยข่าวลับ" รายงานสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองการทหาร หลังรัฐบาล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรี ภายใต้การกำกับของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง บริหารประเทศมาได้ ๒ เดือน และกำลังจะมีการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (๒๗ ก.พ.)ขณะที่กำลังมีความเคลื่อนไหวของม็อบต่อต้านฝ่าย"เสื้อแดง"(๒๔ก.พ.)ที่ขู่จะปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล พร้อมๆกับมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ประจวบฯ ขณะเดียวกันก็มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบกับ"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง ว่า มีความเคลื่อนไหวจากผลการส่ง"สัญญาณ"จาก"ผู้ใหญ่"คนสำคัญผ่าน"ผู้ใหญ่"ระดับสูงในคณะองคมนตรี ไปยัง"ชวน หลีกภัย"ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำมาซึ่งการพบปะพูดคุยระหว่าง"ผู้ใหญ่"ในพรรคประชาธิปัตย์ กับ"ร.ต.ท.เชาวรินทร์ ลัทธศักดิ์ศิริ"แห่งพรรคเพื่อไทย ก่อนมีการออกมาระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมพลิกเกมด้วยการหันมาจับตัวกับพรรคเพื่อไทย ในการตั้งรัฐบาลหลังจากนี้
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า "ผู้ใหญ่"มีความต้องการสกัดไม่ให้สถานการณ์ที่กำลังกัดเซาะทำลายสถาบันระดับสูงของประเทศลุกลามต่อไป หลังจากมีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน รวมถึงภาคใต้ตอนบน กับการจัดตั้งกองกำลังของอดีตแนวร่วม"พรรคคอมมิวนิสต์"เดิม โดยใช้ฐานมวลชนของกลุ่ม"เสื้อแดง"ที่เริ่มมีการเกาะตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งฝ่ายซ้ายวิชาการ ที่มีแนวทางตรงข้ามกับ"ซ้ายศักดินา"ที่พร้อมผนึกตัวกับ"ฝ่ายเสื้อแดง"อีกส่วนหนึ่งที่มีแนวทางการต่อสู้ด้วยเหตุผลการสนับสนุน"ทักษิณ" โดยเนื้อหาสำคัญของการเคลื่อนไหวมีข้อตกลงที่แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวเมื่อครั้งหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ ที่มี"ทักษิณ"เข้ามาเป็น"ตัวแปรสนับสนุน"ในด้าน"ทุน"
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ใช่มีเพียงแต่มวลชนที่อยู่นอกอำนาจรัฐ ที่เป็นประชาชนรากหญ้า และปัญญาชน หากแต่ยังมีการเคลื่อนไหวในหมู่นายทหารในกองทัพจำนวนไม่น้อย ภายใต้การเคลื่อนไหวของ ตท.๑๐ และ ทหารที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้าย รวมถึงที่ได้รับ"อิทธิพล"จาก"ข้อมูล"เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในโครงสร้างอำนาจ และสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้"อำนาจ"เหนือ"อำนาจ"ที่กำลังทำให้ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจของโลกที่กำลังเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๒ มีความรุนแรงมากขึ้นและยากควบคุม ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับความเดือดร้อนไปด้วย และรวมถึงกลุ่มนายทหารที่ไม่พอใจกับภาพความตกต่ำเสื่อมเสียของกองทัพจากพฤติกรรมของนายทหารบางส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลกระโยชน์ทางการเมืองและมีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการทุจริตเรียกรับประโยชน์ ในห้วง คมช.
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า"ผู้ใหญ่"มีความกังวลอย่างมากกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่อาจลุกลามไปยังประชาชนในประเทศและอาจพาลมาสู่สถาบันระดับสูงที่ในระยะหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ มีการใส่ข้อมูลด้านลบให้กับประชาชน ทำให้"ผู้ใหญ่"มีการรื้อแนวความคิดเดิมที่จะให้มี"รัฐบาลแห่งชาติ"เกิดขึ้นโดยยังคงมี"กองทัพ"เป็นแบ็คอัพในด้านความมั่นคง ขณะที่มีการเตรียมดึง"เกจิด้านเศรษฐกิจ"ที่เป็น"คนกลาง"ในการเข้าร่วมกันแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีการประเมินแล้วว่ายอดเงินคงคลังที่แท้จริงที่เหลืออยู่นั้นน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเป็นที่แน่ชัดว่าประมาณการจัดเก็บรายได้(ภาษี)จะลดลง ซึ่ง"สัญญาณ"เหล่านี้ทำให้"ผู้ใหญ่"ไม่มั่นใจว่า"อภิสิทธิ์"หรือ"กรณ์ จาติกวณิชย์"รมว.คลัง จะรับมือได้ ซึ่งท่าทีนี้ถูกส่งผ่าน"นายชวน"รวมถึง"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ"ที่ถูกระบุให้เป็น"ผู้ประสาน"การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่มีการส่งสัญญาณเหล่านี้ไปยังแกนนำของพรรคหลายๆคนรวมทั้ง"สุเทพ" โดยมีการระบุว่าสถานการณ์หนักหน่วงเกินไปที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์มาแบกรับโดยเฉพาะประมาณเดือนมิ.ย.๕๒ ที่จะปรากฎภาพที่ชัดเจนในสถานการณ์วิกฤติ ที่ทำให้ในการเดินทางไปเจรจาขอกู้เงิน ๗.๒แสนล้านจากญี่ปุ่น มีข้อสรุปที่รัฐบาลไทยยอมกู้ในอัตราดอกเบี้ย ๓.๗-๓.๘ % ทั้งที่ประเทศอื่นๆกู้เพียงอัตรา ๐.๕-๐.๗ %
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า นอกจากแรงกระเพื่อมที่ทำท่าว่าจะบานปลายดังกล่าวแล้ว "ผู้ใหญ่"ยังมีความกังวลกับข่าวการดำเนินคดีกับบรรดาผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันระดับสูงในห้วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่"ดา ตอปิโด"ไล่มาจนถึง"ใจ อึ๊งภากรณ์"ลูกชายของ"ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์"และลามเลยไปถึงสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับ"นายนิโครลายส์"นักเขียนชายออสเตรเลีย ที่ถูกจับกุมและต้องโทษหมิ่นสถาบัน ที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยไปทั่วในต่างประเทศโดยเฉพาะในออสเตรเลียและบรรดาประเทศต่างๆรวมถึงส่งผลกระทบต่อทัศนคติของสื่อต่างประเทศต่อสถาบันในประเทศ..โดยเฉพาะยิ่งมีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศไทยต่อกฎหมายหมิ่นสถาบันในรัฐธรรมนูญผ่าน"ใจ อึ๊งภากรณ์" ซึ่งความกังวลาดังกล่าวนำมาสู่ความเคลื่อนไหวของ"ผู้ใหญ่"สอดรับกันล่าสุดกับข่าวการได้รับพระราชทานอภัยโทษของ"นิโครลายส์"(๑๙ก.พ.)
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าเบื้องหลังกรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่หัวหิน(๒๗ก.พ.)และรวมถึงท่าทีจากการเดินทางมาเยือน ๔ ประเทศในอาเซียนของ"ฮิลลาลี คลินตัน"รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ที่ไม่มีประเทศไทยอยู่ในรายการเยือน ที่แม้จะมีการประสานจาก"สุรินทร์ พิศสุวรรณ"ในฐานะเลขาธิการอาเซียน ในการพบปะกับ"ฮิลลาลี"ที่พยายามให้"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรีของไทยมีโอกาสเดินทางไปในที่อินโดนิเซียในช่วงการเยือน แต่ก็ยังมีแรงเสียดทานผ่านท่าทีของฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่เข้าพบ"นายชวน หลีกภัย"ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะพบ"อภิสิทธิ์"เมื่อ ๒-๓สัปดาห์ก่อน
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็นที่สหรัฐไม่พอใจประเทศไทย และอาจทำให้ประเทศไทยโดยรัฐบาลปัจจุบัน(อภิสิทธิ์)ต้องพยายามเคลียร์กรณีคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง และกรณียึดทำเนียบรัฐบาล พร้อมๆกับกรณี เหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุม ๗ ตุลาคม ในห้วงเวลาที่มีการประชุมอาเซียนซัมมิท คือ กรณีที่ในช่วงที่มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ มีการยึดเครื่องบินสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ของสหรัฐจำนวนหลายลำเพื่อเป็นประกันกับสหรัฐในห้วงเวลานั้น ที่ทำให้ช่วงเวลานั้นทำให้"ประธานาธิบดีบุช"ไม่พอใจ และกองทัพสหรัฐเตรียมที่จะเคลื่อนกองเรือที่ ๗ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อกดดัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนำมาซึ่งความกังวลของ"ผู้ใหญ่"และเป็นสาเหตุต่อมาที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนอย่างทุลักทุเลจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งนี้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความวุ่นวายโดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งห้วงเวลานั้นสื่อสัญชาติสหรัฐมีการเคลื่อนไหวโจมตีประเทศไทยอย่างหนัก
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า แม้กระนั้นข้อหารือใน"สัญญาณ"จาก"ผู้ใหญ่"ที่ส่งผ่านไปยัง"ชวน"และ"บัญญัติ บรรทัดฐาน"ก็เห็นด้วย ในการให้รัฐบาลถอยฉากออกจากการรับหน้าเสื่อการแก้วิกฤติเศรษฐกิจโดยให้มี"คนอื่น"(คนนอก)มาคั่นก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ถูกปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามจาก"สุเทพ"ที่มี"ผู้ใหญ่"อีกท่านให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็น เงินบริจาดให้พรรคประชาธิปัตย์ ๒๕๐ ล้านของ"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"แห่งทีพีไอ.นั้นเป็นเรื่องจริงที่รับรู้กันในหมู่แกนนำพรรค โดยเป็นการส่งผ่าน"นิพนธ์ บุญยามณี"รองเลขาธิการพรรค แต่ที่เรื่องนี้แดงออกมาเพราะ มีการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของทีพีไอ.และพบว่ามีการปลอมเอกสารภาษี กรณีการจ้างบริษัทโฆษณาเมสไซอะของ"สุชาติ สังข์ขาว"ซึ่งเคยร่วมทำธุรกรรมกับ"สุพัฒน์ ธรรมเพชร"และ"ไทกร พลสุวรรณ"มือไม้ของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"ที่ภายหลังม็อบ"ชมรมคนรู้ทันทักษิณ"ที่มี"น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ"และกลุ่มมือไม้ของ"เสธหนั่น"..เครือข่ายของ"สุเทพ"มีความเชื่อมโยงกับ"ประชัย"มากขึ้นผ่านคอนเนคชั่นในกองทัพโดยเฉพาะมีการเชื่อมผ่านไปยังเครือข่ายของทหารบ้านสี่เสาฯ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่ากรณีเงินดังกล่าวเป็นส่วนผสมระหว่างเรื่องเก่ากับเรื่องใหม่ ที่ทำให้"ประชัย"เองก็ยอมรับกับสื่อว่าเขาเคยบริจาดให้กับพรรคประชาธิปัตย์แต่เป็นห้วงที่รัฐธรรมนูญ ๔๐ บังคับใช้ซึ่งยังทำได้ แต่ความจริงจากหลักฐานของ ดีเอสไอ.ที่พบคือเส้นทางของเงินซึ่งมีมากกว่า ๒๕๐ ล้าน อาจถึงหลัก ๒-๓,๐๐๐ล้าน ที่มีการเคลื่อนไหวในระยะปี ๒๕๔๘-๕๐ ไม่ได้ไปที่ปลายทางเฉพาะกลุ่มธุรกิจโฆษณาที่ทำโฆษณาให้พรรคประชาธิปัตย์ หากแต่มีการโอนไปยังปลายทางบริษัทขนส่ง ที่ไปสอดรับกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดคนเข้ามาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ ในเครือข่ายของ"สุเทพ"ห้วงรัฐบาล"สมัคร"และ"สมชาย"
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า เริ่มมีท่าทีความไม่พอใจจากบรรดาแกนนำในปีกของ"สุเทพ"ที่เคยร่วมแรงร่วมใจกันในห้วงสถานการณ์ต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะมีท่าทีจาก"ชำนิ ศักดิเศรษฐ"ที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ระดมคนไปช่วยแต่ผลสุดท้ายเมื่อมีการตั้งรัฐบาลทั้งที่"สุเทพ"เป็นผู้จัดการทุกอย่างกลับไม่จัดตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ให้กับ"ชำนิ"ตามที่เขาคาดหมาย มีเพียง"วิทยา แก้วภราดัย"ซึ่งก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ที่ได้รับการตอบแทน ทำให้มีกระแสจากคนใกล้ชิด"ชำนิ"ว่าเขาไม่พอใจอย่างมากและกำลังตัดสินใจที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับ"เสธหนั่น"ต้นสังกัดเดิมของ"บ้านสนามบินน้ำ"ที่พรรคชาติไทย
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สถานการณ์โดยรวมที่ประเมินแล้วว่าไม่สามารถควบคุมได้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลพวงจาก ๒ ปีก่อนซ้ำกับสถานการณ์โลก ทำให้แกนนำระดับอาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีการ"ยุบสภา"หลังจากผลักดันนโยบายประชานิยมได้ผลในระดับต้นๆแล้วโดยอาจใช้สถานการณ์การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงและพันธมิตรที่อาจถูกทำให้สถานการณ์บานปลาย เป็นประเด็นอ้างที่ล้างไพ่
ที่มา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sunnews
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า "ผู้ใหญ่"มีความต้องการสกัดไม่ให้สถานการณ์ที่กำลังกัดเซาะทำลายสถาบันระดับสูงของประเทศลุกลามต่อไป หลังจากมีรายงานความเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคเหนือ และอีสาน รวมถึงภาคใต้ตอนบน กับการจัดตั้งกองกำลังของอดีตแนวร่วม"พรรคคอมมิวนิสต์"เดิม โดยใช้ฐานมวลชนของกลุ่ม"เสื้อแดง"ที่เริ่มมีการเกาะตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งฝ่ายซ้ายวิชาการ ที่มีแนวทางตรงข้ามกับ"ซ้ายศักดินา"ที่พร้อมผนึกตัวกับ"ฝ่ายเสื้อแดง"อีกส่วนหนึ่งที่มีแนวทางการต่อสู้ด้วยเหตุผลการสนับสนุน"ทักษิณ" โดยเนื้อหาสำคัญของการเคลื่อนไหวมีข้อตกลงที่แตกต่างไปจากการเคลื่อนไหวเมื่อครั้งหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ ที่มี"ทักษิณ"เข้ามาเป็น"ตัวแปรสนับสนุน"ในด้าน"ทุน"
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ใช่มีเพียงแต่มวลชนที่อยู่นอกอำนาจรัฐ ที่เป็นประชาชนรากหญ้า และปัญญาชน หากแต่ยังมีการเคลื่อนไหวในหมู่นายทหารในกองทัพจำนวนไม่น้อย ภายใต้การเคลื่อนไหวของ ตท.๑๐ และ ทหารที่ได้รับผลกระทบจากการโยกย้าย รวมถึงที่ได้รับ"อิทธิพล"จาก"ข้อมูล"เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในโครงสร้างอำนาจ และสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้"อำนาจ"เหนือ"อำนาจ"ที่กำลังทำให้ผลกระทบของวิกฤติเศรษฐกิจของโลกที่กำลังเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๒ มีความรุนแรงมากขึ้นและยากควบคุม ซึ่งจะทำให้พวกเขาได้รับความเดือดร้อนไปด้วย และรวมถึงกลุ่มนายทหารที่ไม่พอใจกับภาพความตกต่ำเสื่อมเสียของกองทัพจากพฤติกรรมของนายทหารบางส่วนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลกระโยชน์ทางการเมืองและมีพฤติกรรมที่หมิ่นเหม่ต่อการทุจริตเรียกรับประโยชน์ ในห้วง คมช.
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า"ผู้ใหญ่"มีความกังวลอย่างมากกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่อาจลุกลามไปยังประชาชนในประเทศและอาจพาลมาสู่สถาบันระดับสูงที่ในระยะหลัง ๑๙ก.ย.๔๙ มีการใส่ข้อมูลด้านลบให้กับประชาชน ทำให้"ผู้ใหญ่"มีการรื้อแนวความคิดเดิมที่จะให้มี"รัฐบาลแห่งชาติ"เกิดขึ้นโดยยังคงมี"กองทัพ"เป็นแบ็คอัพในด้านความมั่นคง ขณะที่มีการเตรียมดึง"เกจิด้านเศรษฐกิจ"ที่เป็น"คนกลาง"ในการเข้าร่วมกันแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีการประเมินแล้วว่ายอดเงินคงคลังที่แท้จริงที่เหลืออยู่นั้นน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะเป็นที่แน่ชัดว่าประมาณการจัดเก็บรายได้(ภาษี)จะลดลง ซึ่ง"สัญญาณ"เหล่านี้ทำให้"ผู้ใหญ่"ไม่มั่นใจว่า"อภิสิทธิ์"หรือ"กรณ์ จาติกวณิชย์"รมว.คลัง จะรับมือได้ ซึ่งท่าทีนี้ถูกส่งผ่าน"นายชวน"รวมถึง"พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ"ที่ถูกระบุให้เป็น"ผู้ประสาน"การจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ที่มีการส่งสัญญาณเหล่านี้ไปยังแกนนำของพรรคหลายๆคนรวมทั้ง"สุเทพ" โดยมีการระบุว่าสถานการณ์หนักหน่วงเกินไปที่จะให้พรรคประชาธิปัตย์มาแบกรับโดยเฉพาะประมาณเดือนมิ.ย.๕๒ ที่จะปรากฎภาพที่ชัดเจนในสถานการณ์วิกฤติ ที่ทำให้ในการเดินทางไปเจรจาขอกู้เงิน ๗.๒แสนล้านจากญี่ปุ่น มีข้อสรุปที่รัฐบาลไทยยอมกู้ในอัตราดอกเบี้ย ๓.๗-๓.๘ % ทั้งที่ประเทศอื่นๆกู้เพียงอัตรา ๐.๕-๐.๗ %
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า นอกจากแรงกระเพื่อมที่ทำท่าว่าจะบานปลายดังกล่าวแล้ว "ผู้ใหญ่"ยังมีความกังวลกับข่าวการดำเนินคดีกับบรรดาผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่มีเนื้อหาหมิ่นต่อสถาบันระดับสูงในห้วง ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่"ดา ตอปิโด"ไล่มาจนถึง"ใจ อึ๊งภากรณ์"ลูกชายของ"ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์"และลามเลยไปถึงสื่อมวลชนต่างประเทศในประเทศไทย โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับ"นายนิโครลายส์"นักเขียนชายออสเตรเลีย ที่ถูกจับกุมและต้องโทษหมิ่นสถาบัน ที่ทำให้เกิดกระแสโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทยไปทั่วในต่างประเทศโดยเฉพาะในออสเตรเลียและบรรดาประเทศต่างๆรวมถึงส่งผลกระทบต่อทัศนคติของสื่อต่างประเทศต่อสถาบันในประเทศ..โดยเฉพาะยิ่งมีการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกประเทศไทยต่อกฎหมายหมิ่นสถาบันในรัฐธรรมนูญผ่าน"ใจ อึ๊งภากรณ์" ซึ่งความกังวลาดังกล่าวนำมาสู่ความเคลื่อนไหวของ"ผู้ใหญ่"สอดรับกันล่าสุดกับข่าวการได้รับพระราชทานอภัยโทษของ"นิโครลายส์"(๑๙ก.พ.)
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าเบื้องหลังกรณีดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่หัวหิน(๒๗ก.พ.)และรวมถึงท่าทีจากการเดินทางมาเยือน ๔ ประเทศในอาเซียนของ"ฮิลลาลี คลินตัน"รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ที่ไม่มีประเทศไทยอยู่ในรายการเยือน ที่แม้จะมีการประสานจาก"สุรินทร์ พิศสุวรรณ"ในฐานะเลขาธิการอาเซียน ในการพบปะกับ"ฮิลลาลี"ที่พยายามให้"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"นายกรัฐมนตรีของไทยมีโอกาสเดินทางไปในที่อินโดนิเซียในช่วงการเยือน แต่ก็ยังมีแรงเสียดทานผ่านท่าทีของฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย ที่เข้าพบ"นายชวน หลีกภัย"ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์แทนที่จะพบ"อภิสิทธิ์"เมื่อ ๒-๓สัปดาห์ก่อน
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็นที่สหรัฐไม่พอใจประเทศไทย และอาจทำให้ประเทศไทยโดยรัฐบาลปัจจุบัน(อภิสิทธิ์)ต้องพยายามเคลียร์กรณีคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง และกรณียึดทำเนียบรัฐบาล พร้อมๆกับกรณี เหตุการณ์ตำรวจสลายการชุมนุม ๗ ตุลาคม ในห้วงเวลาที่มีการประชุมอาเซียนซัมมิท คือ กรณีที่ในช่วงที่มีการยึดสนามบินสุวรรณภูมิ มีการยึดเครื่องบินสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ของสหรัฐจำนวนหลายลำเพื่อเป็นประกันกับสหรัฐในห้วงเวลานั้น ที่ทำให้ช่วงเวลานั้นทำให้"ประธานาธิบดีบุช"ไม่พอใจ และกองทัพสหรัฐเตรียมที่จะเคลื่อนกองเรือที่ ๗ เข้ามาในประเทศไทยเพื่อกดดัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนำมาซึ่งความกังวลของ"ผู้ใหญ่"และเป็นสาเหตุต่อมาที่ทำให้ศาลรัฐธรรมนูญมีการตัดสินคดียุบพรรคพลังประชาชนอย่างทุลักทุเลจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งนี้เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ความวุ่นวายโดยอาศัยกระบวนการยุติธรรม เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งห้วงเวลานั้นสื่อสัญชาติสหรัฐมีการเคลื่อนไหวโจมตีประเทศไทยอย่างหนัก
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า แม้กระนั้นข้อหารือใน"สัญญาณ"จาก"ผู้ใหญ่"ที่ส่งผ่านไปยัง"ชวน"และ"บัญญัติ บรรทัดฐาน"ก็เห็นด้วย ในการให้รัฐบาลถอยฉากออกจากการรับหน้าเสื่อการแก้วิกฤติเศรษฐกิจโดยให้มี"คนอื่น"(คนนอก)มาคั่นก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง ถูกปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามจาก"สุเทพ"ที่มี"ผู้ใหญ่"อีกท่านให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ต้น
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่าประเด็น เงินบริจาดให้พรรคประชาธิปัตย์ ๒๕๐ ล้านของ"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์"แห่งทีพีไอ.นั้นเป็นเรื่องจริงที่รับรู้กันในหมู่แกนนำพรรค โดยเป็นการส่งผ่าน"นิพนธ์ บุญยามณี"รองเลขาธิการพรรค แต่ที่เรื่องนี้แดงออกมาเพราะ มีการเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินของทีพีไอ.และพบว่ามีการปลอมเอกสารภาษี กรณีการจ้างบริษัทโฆษณาเมสไซอะของ"สุชาติ สังข์ขาว"ซึ่งเคยร่วมทำธุรกรรมกับ"สุพัฒน์ ธรรมเพชร"และ"ไทกร พลสุวรรณ"มือไม้ของ"สุเทพ เทือกสุบรรณ"ที่ภายหลังม็อบ"ชมรมคนรู้ทันทักษิณ"ที่มี"น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ"และกลุ่มมือไม้ของ"เสธหนั่น"..เครือข่ายของ"สุเทพ"มีความเชื่อมโยงกับ"ประชัย"มากขึ้นผ่านคอนเนคชั่นในกองทัพโดยเฉพาะมีการเชื่อมผ่านไปยังเครือข่ายของทหารบ้านสี่เสาฯ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่ากรณีเงินดังกล่าวเป็นส่วนผสมระหว่างเรื่องเก่ากับเรื่องใหม่ ที่ทำให้"ประชัย"เองก็ยอมรับกับสื่อว่าเขาเคยบริจาดให้กับพรรคประชาธิปัตย์แต่เป็นห้วงที่รัฐธรรมนูญ ๔๐ บังคับใช้ซึ่งยังทำได้ แต่ความจริงจากหลักฐานของ ดีเอสไอ.ที่พบคือเส้นทางของเงินซึ่งมีมากกว่า ๒๕๐ ล้าน อาจถึงหลัก ๒-๓,๐๐๐ล้าน ที่มีการเคลื่อนไหวในระยะปี ๒๕๔๘-๕๐ ไม่ได้ไปที่ปลายทางเฉพาะกลุ่มธุรกิจโฆษณาที่ทำโฆษณาให้พรรคประชาธิปัตย์ หากแต่มีการโอนไปยังปลายทางบริษัทขนส่ง ที่ไปสอดรับกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดคนเข้ามาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และสนามบินสุวรรณภูมิ ในเครือข่ายของ"สุเทพ"ห้วงรัฐบาล"สมัคร"และ"สมชาย"
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า เริ่มมีท่าทีความไม่พอใจจากบรรดาแกนนำในปีกของ"สุเทพ"ที่เคยร่วมแรงร่วมใจกันในห้วงสถานการณ์ต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเฉพาะมีท่าทีจาก"ชำนิ ศักดิเศรษฐ"ที่เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ระดมคนไปช่วยแต่ผลสุดท้ายเมื่อมีการตั้งรัฐบาลทั้งที่"สุเทพ"เป็นผู้จัดการทุกอย่างกลับไม่จัดตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ให้กับ"ชำนิ"ตามที่เขาคาดหมาย มีเพียง"วิทยา แก้วภราดัย"ซึ่งก็เป็นอีกหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ ที่ได้รับการตอบแทน ทำให้มีกระแสจากคนใกล้ชิด"ชำนิ"ว่าเขาไม่พอใจอย่างมากและกำลังตัดสินใจที่จะย้ายสังกัดไปอยู่กับ"เสธหนั่น"ต้นสังกัดเดิมของ"บ้านสนามบินน้ำ"ที่พรรคชาติไทย
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สถานการณ์โดยรวมที่ประเมินแล้วว่าไม่สามารถควบคุมได้กับวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลพวงจาก ๒ ปีก่อนซ้ำกับสถานการณ์โลก ทำให้แกนนำระดับอาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้มีการ"ยุบสภา"หลังจากผลักดันนโยบายประชานิยมได้ผลในระดับต้นๆแล้วโดยอาจใช้สถานการณ์การชุมนุมของม็อบเสื้อแดงและพันธมิตรที่อาจถูกทำให้สถานการณ์บานปลาย เป็นประเด็นอ้างที่ล้างไพ่
ที่มา
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sunnews
วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2551
ฝรั่งมองไทย:เศรษฐกิจ-ประชาธิปไตยพอเพียง มายาคติของคนละประเทศไทยเดียวกัน!!

โดย วารสารฟ้าเดียวกันที่มา เวบฟ้าเดียวกัน 8 สิงหาคม 2551
หมายเหตุ:บางส่วนจาก วารสารฟ้าเดียวกัน สัมภาษณ์ แอนดรูว์ วอล์กเกอร์ นักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียที่ได้ทำการศึกษาวิจัยในพื้นที่ชนบทของประเทศไทย และได้ให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมา ปราศจากอคติทั้งเพราะชอบ เพราะชังมากที่สุดแล้ว เรื่องที่เขาให้สัมภาษณ์เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจพอเพียง ประชาธิปไตยพอเพียง และธรรมนูญของชาวบ้านในชนบท
-ปัญหาหลักๆ ของเศรษฐกิจพอเพียงคือมันไม่ยอมรับความต้องการของคนเหล่านี้ เศรษฐกิจพอเพียงบอกให้คนอย่าอยากได้โทรทัศน์ คุณไม่ควรอยากที่จะส่งลูกไปเรียนมหาวิทยาลัย คุณควรจะพึงพอใจกับชีวิตชนบทที่เรียบง่าย ผมว่านี่คือสิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตยโดยพื้นฐานในเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ยอมรับความต้องการของผู้คน และสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกโกรธเล็กน้อยก็คือปรัชญานี้ถูกโฆษณาส่งเสริมโดยคนที่ร่ำรวยมหาศาล มันไม่เข้าท่าผมว่าเป็นเรื่องดัดจริต
-ผมคิดว่าเท่าที่ผ่านมามันแทบไม่ประสบความสำเร็จเลย บางทีผมก็คิดว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2550 นั้นเป็นจุดจบของเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนออกเสียงไม่เอาเศรษฐกิจพอเพียง
-ผมคิดว่าชนชั้นกลางในกรุงเทพฯ จำเป็นที่จะต้องมีสำนึกประเภทที่ว่าเรามีวัฒนธรรมไทยที่มีศีลธรรมชนิดที่เป็นของแท้ดั้งเดิมอยู่จริงๆ พวกเขาต้องการไปห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน นั่งรถไฟฟ้า ขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องการปลอบใจตัวเองว่าวัฒนธรรมไทยที่มี ศีลธรรมขนานแท้นั้นมีอยู่ที่ไหนสักแห่ง พวกเขาจึงโยนไปที่ชนบทในแง่หนึ่งพวกเขาต้องการโยนภาระทางศีลธรรมไปไว้กับชนบทไทย เพื่อพวกเขาจะดำเนินชีวิตบริโภคนิยมต่อไปได้ มีการวิจารณ์มากมายเกี่ยวกับกองทุนหมู่บ้านของรัฐบาลทักษิณว่าสนับสนุนให้ ชาวบ้านเป็นหนี้ แต่แทบไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์หนี้บัตรเครดิตในกรุงเทพฯเลย คนกรุงเทพฯ จับจ่ายใช้สอยจนเต็มวงเงินบัตรเครดิต แต่กลับพูดกันแต่เรื่องชาวนาซื้อโทรศัพท์มือถือ พวกเขาโยนแรงกดดันด้านศีลธรรมนี้ไปให้ชาวบ้าน
-ประชาธิปไตยพอเพียงก็คืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้งควรมีจำกัด ระบบการเมืองไม่ควรอิงกับอำนาจจากการเลือกตั้งเพียงลำพัง อำนาจที่มาจากการเลือกตั้งควรถูกจำกัดโดยอำนาจศาลและอำนาจระบบราชการ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองอำนาจนี้เชื่อมโยงกับอำนาจของกษัตริย์ เศรษฐกิจพอเพียงบอกว่าคุณไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจภายนอกมากนัก ส่วนประชาธิปไตยพอเพียงบอกว่าคุณควรจำกัดการข้องเกี่ยวกับระบบการเมือง คุณไปออกเสียงเลือกตั้งได้ แต่คนที่คุณเลือกจะถูกกระหนาบโดยศาล โดยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง โดยอำนาจต่างๆ ของราชการ ผู้พิพากษา และองคมนตรี ทั้งเศรษฐกิจพอเพียงและประชาธิปไตยพอเพียงมีหลักการเดียวกันคือจำกัดประชาชนให้เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องท้องถิ่นของตัวเองเท่านั้น
-ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการท้าทายวาทกรรมการซื้อเสียงที่ครอบงำอยู่ เวลาคนพูดถึงการเมืองในชนบทของไทย มีแนวโน้มที่จะพูดเรื่องการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ผมพยายามเสนอแนวคิดเรื่องรัฐธรรมนูญชาวบ้านด้วยการบอกว่าชาวบ้านไม่ใช่เอาแต่ขายเสียง พวกเขาตัดสินใจบนฐานคุณค่าทางการเมืองอีกชุดหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องการบอกคือว่า เราจำเป็นต้องทำ ความเข้าใจว่าคุณค่าทางการเมืองของชาวบ้านคืออะไร ไม่ใช่แค่ปัดไปง่ายๆ ว่าชาวบ้านขายเสียง
-รายงานจากหมู่บ้านที่ผมทำวิจัยอยู่บอกว่าชาวบ้านแค่ไม่เชื่อถือพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ไม่มีเครดิตว่าจะทำตามที่หาเสียงไว้จริงๆ ชาวบ้านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีศรัทธาหรือความไว้วางใจต่อประชาธิปัตย์ มันมีความรู้สึกว่าแม้นโยบายบนกระดาษจะดูไม่แตกต่างกันมาก แต่คนมีความเชื่อมั่นในพลังประชาชนหรือไทยรักไทย
เวบลิ้งค์:ฟ้าเดียวกัน http://www.sameskybooks.org/2008/08/07/aw-1/
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551
เหยื่อ..
บ้านเมืองที่วุ่นวายทุกวันนี้ก็เพราะคนเพียงไม่กี่คน..ที่อยู่ในระดับชนชั้นบนของสังคม...
ถึงวันนี้เมื่อบรรดาผู้ชี้นำทางความคิดของสังคมต่างออกมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันโดยอ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย..ไม่ว่าจะเป็น"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"(พธม.)หรือฝ่ายตรงข้าม..อย่าง..รัฐบาล"สมัคร สุนทรเวช"ที่ถูกแทนค่าจาก พธม.ว่าเป็น"รัฐบาลเถื่อน"หรือ"รัฐบาลนอมีนี"
ทุกคนที่กำลังปู้ยีปู้ยำประเทศไทยกันอย่างสนุกมือ...เชื่อแน่ว่าต่างรู้สาแก่ใจว่าตัวเองนั้น..ต้องการอะไรกันแน่..คำว่า"รักชาติ"รักสถาบัน หวงแหนทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน..ไม่ต้องการให้มีใครมาฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น..หลายคนที่พูด..ต่างก็น่าจะรู้สาแก่ใจว่าท่านๆที่ยืนเด่นเป็นสง่าบนเวทีเหล่านั้น..เคยทรยศชาติ..ผลาญสมบัติชาติ..ทุจริต..กัดกินผลประโยชน์จาก"นายทุน"นักการเมือง..ราวกับพวก"ฮายีน่า"มาแล้วหลายคน..
หลายคน เชื่อว่าน่าจะรู้สาแก่ใจ..ว่า..กำลังทำอะไรอยู่บนเวทีเหล่านั้น..หากทว่า..สถานการณ์ของ"ชีวิต"ที่ยังต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจของ"นายทุน"ทำให้หลายต่อหลายคนยอมจำนน..กับการรับ"ค่าจ้าง"ในฐานะลูกจ้างผันตนจากความเป็น"สื่อมวลชน"มาเป็นนัก"ปลุกระดม"..จะผิดถูกช่างมันค่อยมาว่ากันภายหลัง แต่เฉพาะหน้าต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จ..เพื่อธุรกิจของ"นาย"จะดำเนินต่อไปข้างหน้า..โดยไม่มีอุปสรรค..และจะไม่มีใรกล้าขัดขวางเส้นทางในอนาคต..ซึ่งก็หมายถึงความรุ่งโรจน์และความสบายของพวกเขา..อย่างอื่นวางไว้ก่อน..
บัดนี้ หลายฝ่าย หลายคน ได้เดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะกล้าหันหลังกลับเสียแล้ว..สถานการณ์ที่วางไว้..ในระดับ"แกนนำ"ที่ต้องการ..ให้ประเทศชาติบังเกิดบาดแผลอีกคราครั้ง..กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นท้าทาย..ภายใต้กระบวนยุทธ์ที่..ตัวละครสนับสนุน..มีจำนวนมาก..ทั้งที่มาโดยสมัครใจ และที่มาโดยเสียมิได้..ภายใต้ภาวะของ"ความชอบธรรม"เมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายที่หากใคร"แหลม"ออกมาเป็น"โดน"หมดอนาคต..จากข้อกล่าวหา และแรงกดดันหลายมิติ..
สถานการณ์แบบนี้เองที่..นักวิชาการ(ที่รักชาติจริงๆ)หลายท่านแสดงความเป็นห่วงว่าจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง..การจราจล ความวุ่นวาย และการถอยหลังกลับแบบหัวทิ่มหัวตำของประเทศไทย..
สถานการณ์แบบนี้เอง..ที่..หลายคนพยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่าย"ตั้งสติ"ถอยกลับออกมาจาก"ม็อบ"จากวงในความขัดแย้งในสมรภูมิราชดำเนิน มัฆวาฬ สนามหลวง หรือที่ต่างๆใน ต่างจังหวัด..ถอยออกมาจาก"มายาภาพ"ที่ได้รับผ่านสัญญาน ASTV หรือ NBT และสื่อต่างๆ แล้วตั้งสติดีๆ ทบทวน และทบทวนให้ชัดๆย้อนหลังกลับไป..พิเคราะห์ปรากฎการณ์ที่ผ่านมา..พิเคราะห์ในตัวละคร..แต่ละคน ใครเป็นใคร..พิเคราะห์ตัวเราเอง..ฯลฯ..แล้วจะพบว่า..
เรากำลังกลายเป็น"เหยื่อ"เอาคิดพาดเตรียมสังเวย"กีโยติน"แห่งอำนาจ..ของบรรดา"ชนชั้นนำ"ทั้งหลาย..ที่กำลังใช้ประชาชนเป็น"ตัวประกัน"ในการห้ำหั่นแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ในประเทศชาติ....
ทางแก้คือ"ประชาชน"ทุกคนต้อง ตั้งสติ..แล้วตัดสินใจ..ว่าจะยอมเป็น"เหยื่อ"ที่อยู่ในสถานการณ์ที่คนกลุ่มน้อยเหล่านี้หาประโยชน์ด้วยการ"ควบคุม"โดยไร้กฎเกณฑ์ใดๆทางกฎหมายเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา หรือจะเป็น"นาย"ในสถานการณ์เหล่านี้..
ถึงวันนี้เมื่อบรรดาผู้ชี้นำทางความคิดของสังคมต่างออกมาเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันโดยอ้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนทั้งสองฝ่าย..ไม่ว่าจะเป็น"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"(พธม.)หรือฝ่ายตรงข้าม..อย่าง..รัฐบาล"สมัคร สุนทรเวช"ที่ถูกแทนค่าจาก พธม.ว่าเป็น"รัฐบาลเถื่อน"หรือ"รัฐบาลนอมีนี"
ทุกคนที่กำลังปู้ยีปู้ยำประเทศไทยกันอย่างสนุกมือ...เชื่อแน่ว่าต่างรู้สาแก่ใจว่าตัวเองนั้น..ต้องการอะไรกันแน่..คำว่า"รักชาติ"รักสถาบัน หวงแหนทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน..ไม่ต้องการให้มีใครมาฉ้อราษฎร์บังหลวงนั้น..หลายคนที่พูด..ต่างก็น่าจะรู้สาแก่ใจว่าท่านๆที่ยืนเด่นเป็นสง่าบนเวทีเหล่านั้น..เคยทรยศชาติ..ผลาญสมบัติชาติ..ทุจริต..กัดกินผลประโยชน์จาก"นายทุน"นักการเมือง..ราวกับพวก"ฮายีน่า"มาแล้วหลายคน..
หลายคน เชื่อว่าน่าจะรู้สาแก่ใจ..ว่า..กำลังทำอะไรอยู่บนเวทีเหล่านั้น..หากทว่า..สถานการณ์ของ"ชีวิต"ที่ยังต้องพึ่งพิงเศรษฐกิจของ"นายทุน"ทำให้หลายต่อหลายคนยอมจำนน..กับการรับ"ค่าจ้าง"ในฐานะลูกจ้างผันตนจากความเป็น"สื่อมวลชน"มาเป็นนัก"ปลุกระดม"..จะผิดถูกช่างมันค่อยมาว่ากันภายหลัง แต่เฉพาะหน้าต้องทำภารกิจนี้ให้เสร็จ..เพื่อธุรกิจของ"นาย"จะดำเนินต่อไปข้างหน้า..โดยไม่มีอุปสรรค..และจะไม่มีใรกล้าขัดขวางเส้นทางในอนาคต..ซึ่งก็หมายถึงความรุ่งโรจน์และความสบายของพวกเขา..อย่างอื่นวางไว้ก่อน..
บัดนี้ หลายฝ่าย หลายคน ได้เดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะกล้าหันหลังกลับเสียแล้ว..สถานการณ์ที่วางไว้..ในระดับ"แกนนำ"ที่ต้องการ..ให้ประเทศชาติบังเกิดบาดแผลอีกคราครั้ง..กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นท้าทาย..ภายใต้กระบวนยุทธ์ที่..ตัวละครสนับสนุน..มีจำนวนมาก..ทั้งที่มาโดยสมัครใจ และที่มาโดยเสียมิได้..ภายใต้ภาวะของ"ความชอบธรรม"เมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายที่หากใคร"แหลม"ออกมาเป็น"โดน"หมดอนาคต..จากข้อกล่าวหา และแรงกดดันหลายมิติ..
สถานการณ์แบบนี้เองที่..นักวิชาการ(ที่รักชาติจริงๆ)หลายท่านแสดงความเป็นห่วงว่าจะนำไปสู่สงครามกลางเมือง..การจราจล ความวุ่นวาย และการถอยหลังกลับแบบหัวทิ่มหัวตำของประเทศไทย..
สถานการณ์แบบนี้เอง..ที่..หลายคนพยายามเรียกร้องให้ทุกฝ่าย"ตั้งสติ"ถอยกลับออกมาจาก"ม็อบ"จากวงในความขัดแย้งในสมรภูมิราชดำเนิน มัฆวาฬ สนามหลวง หรือที่ต่างๆใน ต่างจังหวัด..ถอยออกมาจาก"มายาภาพ"ที่ได้รับผ่านสัญญาน ASTV หรือ NBT และสื่อต่างๆ แล้วตั้งสติดีๆ ทบทวน และทบทวนให้ชัดๆย้อนหลังกลับไป..พิเคราะห์ปรากฎการณ์ที่ผ่านมา..พิเคราะห์ในตัวละคร..แต่ละคน ใครเป็นใคร..พิเคราะห์ตัวเราเอง..ฯลฯ..แล้วจะพบว่า..
เรากำลังกลายเป็น"เหยื่อ"เอาคิดพาดเตรียมสังเวย"กีโยติน"แห่งอำนาจ..ของบรรดา"ชนชั้นนำ"ทั้งหลาย..ที่กำลังใช้ประชาชนเป็น"ตัวประกัน"ในการห้ำหั่นแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ในประเทศชาติ....
ทางแก้คือ"ประชาชน"ทุกคนต้อง ตั้งสติ..แล้วตัดสินใจ..ว่าจะยอมเป็น"เหยื่อ"ที่อยู่ในสถานการณ์ที่คนกลุ่มน้อยเหล่านี้หาประโยชน์ด้วยการ"ควบคุม"โดยไร้กฎเกณฑ์ใดๆทางกฎหมายเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา หรือจะเป็น"นาย"ในสถานการณ์เหล่านี้..
รัฐจัดงานคนไทยสามัคคี/ผวา๙ส.ค.อันตราย/อดีตทปท.ใต้เคลื่อน/ระวังบึ้มกรุง
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานความเคลื่อนไหวการเมืองการทหาร..กรณี"นายกสมัคร"ระบุในรายการสนทนาประสาสมัคร(๓ส.ค.๕๑)ว่าจะมีการจัดงาน"จากวันแม่ถึงวันพ่อ"เพื่อสร้างความสามัคคีของคนไทยในชาติ..ตั้งแต่วันที่ ๑๒ ส.ค.ไปจนถึงวันที่ ๕ ธันวาคม โดยให้มีการเดินวิ่งเทิดพระเกียรติของประชาชนทุกหมู่เหล่าเพื่อถวายความจงรักภักดีโดยให้รู้รักสามัคคีทั่วประเทศ..ซึ่งงานดังกล่าวมี"สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมาร"เป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพร้อมมีการจัดทำสายลิสแบรนด์ไขว้สัญลักษณ์พ่อ-แม่ของแผ่นดิน..นั้นมีความเชื่อมโยงกับปรากฎการณ์การปรับคณะรัฐมนตรี ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมา(๒ส.ค.)ท่ามกลางข่าวลือว่ามีปัญหาตีกลับเพราะชื่อของ"พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ"อดีต ผบ.ตร.และรวมถึงปรากฎการณ์การเคลื่อนไหวของพันธมิตรตั้งแต่วันศุกร์(๑ส.ค.)ที่พยายามกดดันฝ่ายนิติบัญญัติในวันเปิดสภาไม่ให้นำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าพิจารณา..ที่รัฐบาลแก้เกมด้วยการเลื่อนไปวันที่ ๑๘ส.ค.๕๑ ..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า"สมัคร"พยายามทำลายความชอบธรรมของพันธมิตร ด้วยการแฉผ่านรายการ ว่า ประเด็นการออกมาขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มุ่งเฉพาะมาตรา ๒๓๗,๓๙๐ หากแต่มุ่งขัดขวาง ม.๖๓ ที่มีการระบุถึงการให้สิทธิเสรีภาพการชุมนุม..ซึ่งเชื่อมโยงไปถึง..กระบวนการคำตัดสินของศาลในคดีที่ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการไปร้องต่อศาล ในลักษณะเดียวกับที่ ครูอาจารย์โรงเรียนราชวินิตไปร้องขอความคุ้มครองจากศาลกรณี"ม็อบพันธมิตร"สร้างความเดือดร้อนรำคาญและส่งผลกระทบกับพวกเขา..โดยการที่"นายสมัคร"พยายามชูประเด็นนี้เพื่อเชื่อมโยงถึงการชุมนุมของพันธมิตรที่"ขีดเส้นตาย"ประจัญบาน รัฐบาลภายใน ๗ วัน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สมัคร ทราบดีว่า อีกฝ่ายพยายาม ทำลายฐานความเชื่อมั่น ในการเข้าถึงราชสำนักของตน..ซึ่งการปล่อยข่าวลือจากพันธมิตร และสื่อในสังกัดเพื่อทำให้หลายฝ่ายที่ให้การสนับสนุนอย่างลับๆกับ"สมัคร"ลังเลในการเลือกข้าง..โดยเฉพาะกรณี"พล.ต.อ.โกวิท"นั้น มีความสำคัญเชื่อมโยงไปถึง"ตท.๖"รุ่นของนายทหารที่ร่วมกันทำรัฐประหาร (๑๙ก.ย.๔๙)ภายใต้การนำของ"พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน"ผบ.ทบ.ขณะนั้น รวมถึง"พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก"ผบ.ทอ.ที่มีบทบาทเด่นชัด..และยังคงบทบาทคัดค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลปัจจุบัน ในท่ามกลางถูกโจมตีในหลายประเด็นจาก"สื่อฝ่ายตรงข้าม"อย่างประชาทรรศน์,โลกวันนี้,บางกอกทูเดย์ฯลฯ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า การจัดงานเทิดพระเกียรติในหลวง-ราชินีฯ ด้วยการรณรงค์ไปทั่วประเทศให้คนไทยสามัคคี ของรัฐบาลโดยมี"สมัคร"เป็นผู้อำนวยการจัดงาน เพื่อลบภาพความแตกแยกบาดหมางที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงในระดับที่ยากควบคุม ภายใต้การประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมถึงกองทัพ และ"หน่วยข่าว"ที่ได้รับรายงานตรงกันว่า เป้าหมายของผู้ที่อยู่"เบื้องหลัง"ของสถานการณ์ความขัดแย้ง จากการแบ่งขั้วแยกฝ่าย ที่จุดประทุอีกครั้งผ่านการเคลื่อนไหวของ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"ใน พ.ศ.๒๕๕๑ นั้น มีการบริหารจัดการอย่างมีระบบ และมีกำหนดไว้แล้วว่า จะมีการสร้างสถานการณ์บางอย่างที่รุนแรงในวันที่ ๙ ส.ค.๕๑ โดยกลุ่มก่อการและผู้เกี่ยวข้องเชื่อว่า จะเกิดความวุ่นวายจนถึงวันที่ ๑๒ ส.ค.และพวกเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ภายใต้การสูญเสีย"ความชอบธรรม"ในการบริหารประเทศของรัฐบาล"สมัคร"
@@"หน่วยข่าวลับ" รายงานว่าขณะนี้ได้มีความเคลื่อนไหวของกองกำลังของนักการใหญ่ชื่อ"ส."ที่ส่วนใหญ่เป็นอดีต ทปท. และทหารรับจ้าง ซึ่งถูกใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้..โดยระดับแกนนำสั่งการอยู่ใน จ.สตูล ได้เงินเดือนๆละ ๕ หมื่นบาท..มาเป็นเวลา ๓ ปีแล้ว..เตรียมระดับกำลังหน่วยจรยุทธที่เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด..และการสร้างสถานการณ์..ขึ้นมาปฏิบัติการในพื้นที่"ศูนย์กลางอำนาจรัฐ"ที่กรุงเทพฯ..โดยกองกำลังดังกล่าวถูกระบุจากสายข่าวระดับสูง ว่า มีความเชื่อมโยงกับ"บิ๊ก คมช."ท่านหนึ่งที่เมื่อเร็วๆนี้ได้เดินทางลงไปที่ จ.สตูล ในห้วงที่มีการจัดประชุมวางแผนของกลุ่มดังกล่าว
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ข้อมูลนี้สอดคล้องกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่รายงานการเคลื่อนไหวระดมอาวุธของกลุ่มต่างๆที่มีความเชื่อมโยง พคท.ในอดีต...ในหลายพื้นที่..ซึ่งปรากฎการณ์การจับกุม"หนุ่มใหญ่"ที่ขับรถพุ่งเข้าชนรั้วกั้นของพันธมิตร และพบอาวุธจำนวนมากนั้น..มีนัยยะของการส่งสัญญานจากบางฝ่าย ว่าขณะนี้"อดีตนายทหาร"ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับนายทหาร จปร.๗ ในพันธมิตรฯกำลังดำเนินการบางอย่างผ่านกองกำลังทหารของพวกเขาที่มีจำนวนมาก..ทั้งที่อยู่ในราชการและนอกราชการ..ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าว มีความเชื่อมโยงถึงกองกำลังจากอีสานใต้ภายใต้การควบคุมของ"พ."น้องชายของ"พ."ที่ คมช.เคยใช้งานช่วงการทำรัฐประหารด้วย..นอกจากนี้กลุ่มคนดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ระเบิด ๙ จุดที่เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และห้างต่างๆคืนวันที่ ๓๑ธ.ค.๔๙ด้วย..ซึ่งประเด็นนี้มีการเชื่อมโยงกับความพยายามสกัดขัดขวางไม่ให้"พล.ต.อ.โกวิท"ที่ทราบถึงเบื้องลึกในเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามาเป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงในรัฐบาล"สมัคร"เพราะอาจนำไปสู่การรื้อเรื่องดังกล่าวขึ้นมาจัดการกับกลุ่มขบวนการและอาจโยงไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังระดับสูงได้...
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ข้อมูลความเคลื่อนไหวข้างต้น สอดรับกับรายงานของหน่วยข่าว ห้วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการประชุมของกลุ่มการเมือง ที่เชื่อมโยงกับ กลุ่มพันธมิตร สายพรรคการเมืองใหญ่ ในพื้นที่ภาคใต้ มีแกนนำจากจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานีและสงขลา(หาดใหญ่) โดยมี นาย"ช."อดีต เลขา นาย"ต."และคนสนิทของ"นาย ส." เป็นแกนนำ มีสมาชิกคนสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่, อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ภาคใต้ และอดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เข้าร่วมประชุมสัมนาและวางแผนโค่นล้ม"รัฐบาลสมัคร"ของพรรคพลังประชาชนกันใหม่อีกครั้ง โดยจะใช้การเคลื่อนไหวจากภาคใต้และกรุงเทพเป็นศูนย์กลางสัญจรไปยังภาคกลาง-อีสานและภาคเหนือเพื่อก่อกวนให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนต้องลาออกแล้วให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าทำหน้าที่แทนเหมือนยุครัฐบาล"พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ"..รายงานชิ้นนี้ ยังพาดพิงถึง "นาย พ." หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของแกนนำพันธมิตรท่านหนึ่ง ว่า มีความเกี่ยวข้องกับกรณี"คาร์บอมบ์"ที่จรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถูกเชื่อมโยงพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องหนีไปติดต่อพรรคคอมมิวนิสต์มลายาให้ช่วยติดต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อจะขอลี้ภัยการเมืองไปประเทศจีน แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงขออาศัยหลบภัยแถวชายแดนไทย-มาเลย์และประเทศมาเลเซียแทน โดยขณะอยู่ที่นั่น ได้มีการรื้อฟื้นกองกำลังติดอาวุธ เตรียมระดมคนฝึกอาวุธขึ้นมาจำนวนหนึ่งด้วย...
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สาเหตุที่"พล.อ.อนุพงศ์"ส่ง"สารวัตรทหาร"เข้าไปดูแลพันธมิตรฯนั้น นอกจากเพื่อป้องกันสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดแทรกซ้อนโดยบุคคลที่สามแล้ว สาเหตุหลักมีความเชื่อมโยงกับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ที่ระบุตรงกับข้ออ้างของแกนนำพันธมิตร และ"พล.อ.ปฐมพงศ์ เกสรศุกร์"ที่ปรึกษา บก.สส.ว่ามีทหารจำนวนมากให้การสนับสนุนพันธมิตร และเข้ามาร่วมชุมนุมโดยไม่เปิดเผยตัว..ซึ่งรายงานนี้ สอดรับกับรายงานก่อนหน้านี้ว่ามีการจัดกำลังทหารจำนวนมากเข้ามาแทรกซึมอยู่ในพันธมิตรโดยเฉพาะในส่วนของ"การ์ดพันธมิตร"ที่เคยปะทะกับ"แนวร่วมต้านรัฐประหาร"นปก.นั้นหลายคนถูกระบุว่ามีสังกัด..ซึ่งการให้ "ส.ห."เข้าปฏิบัติการนั้นเป็นการปรามอยู่ในทีสำหรับกองกำลังที่อยู่ในราชการ..ในการที่จะคิดสร้างสถานการณ์ความรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง..โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคง..มีการเฝ้าระวังและจับตา"พล.อ.พัลลภ"อดีตนายทหาร จปร.๗ เป็นพิเศษเพราะเคยอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการเผาโรงพักนางเลิ้ง ในเหตุการณ์นองเลือด "พฤษภาทมิฬ"เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๓๕ ในขณะที่ครั้งนั้นมี"พล.ต.จำลอง ศรีเมือง"อดีตทหาร จปร.๗เป็นแกนนำประชาชนในการต่อต้านรัฐบาล"พล.อ.สุจินดา"มาแล้วเช่นกัน..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานสถานการณ์กำลังทางทหารว่า ขณะนี้กำลังของฝ่าย"พล.อ.อนุพงศ์"ภายใต้การให้การสนับสนุนจาก"ผู้ใหญ่"ยังคงมีจำนวนมากว่าอีกฝ่าย..ทำให้มีความพยายามลากดึงให้"พล.อ.อนุพงศ์"เข้ามาสนับสนุนพันธมิตรในทางภาพภายนอก..ในหลายมิติไม่ว่าจะเป็น สถาบันชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์..แต่"พล.อ.อนุพงศ์"ยังสามารถรักษาจุดยืนไม่สนับสนุนแนวทางการ"รัฐประหาร"อย่างหนักแน่นและพยายามไม่แสดงความเห็นใดซึ่งแตกต่างจาก"พล.อ.อ.ชลิต"ที่มีการออกมาให้ข่าวดังกล่าว..ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้"ผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่ง"ติดต่อผ่านบุคคลระดับสูงให้เข้าพบ แต่"พล.อ.อนุพงศ์"ยังคงยืนยันจุดยืน..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานกรณีคดี"คุณหญิงนัทนนท์ ทวีสินธ์"อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร..ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกรณีการจัดซื้อเรือ-รถดับเพลิง และกำลังถูกดำเนินคดี..นั้นมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการที่"คุณหญิงนัทนนท์"เป็น"กุญแจสำคัญ"ที่มีหลักฐานและล่วงรู้ถึงปฎิบัติการบางอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป (ช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี อันอยู่ในช่วงหลังรัฐประหารที่มี คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกุมสภาพ...)ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่ผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ระบุตรงในทุกจังหวัด แต่ในกรุงเทพมหานครกลับพลิกไปจากผลสำรวจทีจากเดิมพรรคพลังประชาชนจะได้ที่นั่งมากกว่า กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งมากกว่า ..โดยกรณีดังกล่าวมีหลายฝ่ายได้ร้องเรียนไปยัง กกต.แล้ว..แต่ยังไม่มีการตรวจสอบในระดับลึก..ขณะที่มีรายงานจาก"วงใน"กรุงเทพฯมหานคร แจ้งว่า มีผู้พบเห็นการขนหีบบัตรและบัตรลงคะแนนจำนวนมากไปไว้ที่สนามกีฬานางเลิ้งและเตรียมที่จะทำการเผาทำลาย...
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า"สมัคร"พยายามทำลายความชอบธรรมของพันธมิตร ด้วยการแฉผ่านรายการ ว่า ประเด็นการออกมาขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มุ่งเฉพาะมาตรา ๒๓๗,๓๙๐ หากแต่มุ่งขัดขวาง ม.๖๓ ที่มีการระบุถึงการให้สิทธิเสรีภาพการชุมนุม..ซึ่งเชื่อมโยงไปถึง..กระบวนการคำตัดสินของศาลในคดีที่ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการไปร้องต่อศาล ในลักษณะเดียวกับที่ ครูอาจารย์โรงเรียนราชวินิตไปร้องขอความคุ้มครองจากศาลกรณี"ม็อบพันธมิตร"สร้างความเดือดร้อนรำคาญและส่งผลกระทบกับพวกเขา..โดยการที่"นายสมัคร"พยายามชูประเด็นนี้เพื่อเชื่อมโยงถึงการชุมนุมของพันธมิตรที่"ขีดเส้นตาย"ประจัญบาน รัฐบาลภายใน ๗ วัน กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สมัคร ทราบดีว่า อีกฝ่ายพยายาม ทำลายฐานความเชื่อมั่น ในการเข้าถึงราชสำนักของตน..ซึ่งการปล่อยข่าวลือจากพันธมิตร และสื่อในสังกัดเพื่อทำให้หลายฝ่ายที่ให้การสนับสนุนอย่างลับๆกับ"สมัคร"ลังเลในการเลือกข้าง..โดยเฉพาะกรณี"พล.ต.อ.โกวิท"นั้น มีความสำคัญเชื่อมโยงไปถึง"ตท.๖"รุ่นของนายทหารที่ร่วมกันทำรัฐประหาร (๑๙ก.ย.๔๙)ภายใต้การนำของ"พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน"ผบ.ทบ.ขณะนั้น รวมถึง"พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก"ผบ.ทอ.ที่มีบทบาทเด่นชัด..และยังคงบทบาทคัดค้านไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลปัจจุบัน ในท่ามกลางถูกโจมตีในหลายประเด็นจาก"สื่อฝ่ายตรงข้าม"อย่างประชาทรรศน์,โลกวันนี้,บางกอกทูเดย์ฯลฯ
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า การจัดงานเทิดพระเกียรติในหลวง-ราชินีฯ ด้วยการรณรงค์ไปทั่วประเทศให้คนไทยสามัคคี ของรัฐบาลโดยมี"สมัคร"เป็นผู้อำนวยการจัดงาน เพื่อลบภาพความแตกแยกบาดหมางที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงในระดับที่ยากควบคุม ภายใต้การประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานด้านความมั่นคง รวมถึงกองทัพ และ"หน่วยข่าว"ที่ได้รับรายงานตรงกันว่า เป้าหมายของผู้ที่อยู่"เบื้องหลัง"ของสถานการณ์ความขัดแย้ง จากการแบ่งขั้วแยกฝ่าย ที่จุดประทุอีกครั้งผ่านการเคลื่อนไหวของ"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"ใน พ.ศ.๒๕๕๑ นั้น มีการบริหารจัดการอย่างมีระบบ และมีกำหนดไว้แล้วว่า จะมีการสร้างสถานการณ์บางอย่างที่รุนแรงในวันที่ ๙ ส.ค.๕๑ โดยกลุ่มก่อการและผู้เกี่ยวข้องเชื่อว่า จะเกิดความวุ่นวายจนถึงวันที่ ๑๒ ส.ค.และพวกเขาจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ภายใต้การสูญเสีย"ความชอบธรรม"ในการบริหารประเทศของรัฐบาล"สมัคร"
@@"หน่วยข่าวลับ" รายงานว่าขณะนี้ได้มีความเคลื่อนไหวของกองกำลังของนักการใหญ่ชื่อ"ส."ที่ส่วนใหญ่เป็นอดีต ทปท. และทหารรับจ้าง ซึ่งถูกใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้..โดยระดับแกนนำสั่งการอยู่ใน จ.สตูล ได้เงินเดือนๆละ ๕ หมื่นบาท..มาเป็นเวลา ๓ ปีแล้ว..เตรียมระดับกำลังหน่วยจรยุทธที่เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด..และการสร้างสถานการณ์..ขึ้นมาปฏิบัติการในพื้นที่"ศูนย์กลางอำนาจรัฐ"ที่กรุงเทพฯ..โดยกองกำลังดังกล่าวถูกระบุจากสายข่าวระดับสูง ว่า มีความเชื่อมโยงกับ"บิ๊ก คมช."ท่านหนึ่งที่เมื่อเร็วๆนี้ได้เดินทางลงไปที่ จ.สตูล ในห้วงที่มีการจัดประชุมวางแผนของกลุ่มดังกล่าว
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ข้อมูลนี้สอดคล้องกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคง ที่รายงานการเคลื่อนไหวระดมอาวุธของกลุ่มต่างๆที่มีความเชื่อมโยง พคท.ในอดีต...ในหลายพื้นที่..ซึ่งปรากฎการณ์การจับกุม"หนุ่มใหญ่"ที่ขับรถพุ่งเข้าชนรั้วกั้นของพันธมิตร และพบอาวุธจำนวนมากนั้น..มีนัยยะของการส่งสัญญานจากบางฝ่าย ว่าขณะนี้"อดีตนายทหาร"ที่เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับนายทหาร จปร.๗ ในพันธมิตรฯกำลังดำเนินการบางอย่างผ่านกองกำลังทหารของพวกเขาที่มีจำนวนมาก..ทั้งที่อยู่ในราชการและนอกราชการ..ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าว มีความเชื่อมโยงถึงกองกำลังจากอีสานใต้ภายใต้การควบคุมของ"พ."น้องชายของ"พ."ที่ คมช.เคยใช้งานช่วงการทำรัฐประหารด้วย..นอกจากนี้กลุ่มคนดังกล่าวยังมีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ระเบิด ๙ จุดที่เกิดขึ้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และห้างต่างๆคืนวันที่ ๓๑ธ.ค.๔๙ด้วย..ซึ่งประเด็นนี้มีการเชื่อมโยงกับความพยายามสกัดขัดขวางไม่ให้"พล.ต.อ.โกวิท"ที่ทราบถึงเบื้องลึกในเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามาเป็นรองนายกฯด้านความมั่นคงในรัฐบาล"สมัคร"เพราะอาจนำไปสู่การรื้อเรื่องดังกล่าวขึ้นมาจัดการกับกลุ่มขบวนการและอาจโยงไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังระดับสูงได้...
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า ข้อมูลความเคลื่อนไหวข้างต้น สอดรับกับรายงานของหน่วยข่าว ห้วงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการประชุมของกลุ่มการเมือง ที่เชื่อมโยงกับ กลุ่มพันธมิตร สายพรรคการเมืองใหญ่ ในพื้นที่ภาคใต้ มีแกนนำจากจังหวัดชุมพร, สุราษฎร์ธานีและสงขลา(หาดใหญ่) โดยมี นาย"ช."อดีต เลขา นาย"ต."และคนสนิทของ"นาย ส." เป็นแกนนำ มีสมาชิกคนสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่, อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ภาคใต้ และอดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เข้าร่วมประชุมสัมนาและวางแผนโค่นล้ม"รัฐบาลสมัคร"ของพรรคพลังประชาชนกันใหม่อีกครั้ง โดยจะใช้การเคลื่อนไหวจากภาคใต้และกรุงเทพเป็นศูนย์กลางสัญจรไปยังภาคกลาง-อีสานและภาคเหนือเพื่อก่อกวนให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนต้องลาออกแล้วให้พรรคประชาธิปัตย์ เข้าทำหน้าที่แทนเหมือนยุครัฐบาล"พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ"..รายงานชิ้นนี้ ยังพาดพิงถึง "นาย พ." หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของแกนนำพันธมิตรท่านหนึ่ง ว่า มีความเกี่ยวข้องกับกรณี"คาร์บอมบ์"ที่จรัญสนิทวงศ์ ซึ่งถูกเชื่อมโยงพยานหลักฐานว่าเกี่ยวข้อง ทำให้ต้องหนีไปติดต่อพรรคคอมมิวนิสต์มลายาให้ช่วยติดต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อจะขอลี้ภัยการเมืองไปประเทศจีน แต่ได้รับการปฏิเสธ จึงขออาศัยหลบภัยแถวชายแดนไทย-มาเลย์และประเทศมาเลเซียแทน โดยขณะอยู่ที่นั่น ได้มีการรื้อฟื้นกองกำลังติดอาวุธ เตรียมระดมคนฝึกอาวุธขึ้นมาจำนวนหนึ่งด้วย...
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานว่า สาเหตุที่"พล.อ.อนุพงศ์"ส่ง"สารวัตรทหาร"เข้าไปดูแลพันธมิตรฯนั้น นอกจากเพื่อป้องกันสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดแทรกซ้อนโดยบุคคลที่สามแล้ว สาเหตุหลักมีความเชื่อมโยงกับข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองทางทหาร ที่ระบุตรงกับข้ออ้างของแกนนำพันธมิตร และ"พล.อ.ปฐมพงศ์ เกสรศุกร์"ที่ปรึกษา บก.สส.ว่ามีทหารจำนวนมากให้การสนับสนุนพันธมิตร และเข้ามาร่วมชุมนุมโดยไม่เปิดเผยตัว..ซึ่งรายงานนี้ สอดรับกับรายงานก่อนหน้านี้ว่ามีการจัดกำลังทหารจำนวนมากเข้ามาแทรกซึมอยู่ในพันธมิตรโดยเฉพาะในส่วนของ"การ์ดพันธมิตร"ที่เคยปะทะกับ"แนวร่วมต้านรัฐประหาร"นปก.นั้นหลายคนถูกระบุว่ามีสังกัด..ซึ่งการให้ "ส.ห."เข้าปฏิบัติการนั้นเป็นการปรามอยู่ในทีสำหรับกองกำลังที่อยู่ในราชการ..ในการที่จะคิดสร้างสถานการณ์ความรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง..โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคง..มีการเฝ้าระวังและจับตา"พล.อ.พัลลภ"อดีตนายทหาร จปร.๗ เป็นพิเศษเพราะเคยอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการเผาโรงพักนางเลิ้ง ในเหตุการณ์นองเลือด "พฤษภาทมิฬ"เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ๒๕๓๕ ในขณะที่ครั้งนั้นมี"พล.ต.จำลอง ศรีเมือง"อดีตทหาร จปร.๗เป็นแกนนำประชาชนในการต่อต้านรัฐบาล"พล.อ.สุจินดา"มาแล้วเช่นกัน..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานสถานการณ์กำลังทางทหารว่า ขณะนี้กำลังของฝ่าย"พล.อ.อนุพงศ์"ภายใต้การให้การสนับสนุนจาก"ผู้ใหญ่"ยังคงมีจำนวนมากว่าอีกฝ่าย..ทำให้มีความพยายามลากดึงให้"พล.อ.อนุพงศ์"เข้ามาสนับสนุนพันธมิตรในทางภาพภายนอก..ในหลายมิติไม่ว่าจะเป็น สถาบันชาติ สถาบันพระมหากษัตริย์..แต่"พล.อ.อนุพงศ์"ยังสามารถรักษาจุดยืนไม่สนับสนุนแนวทางการ"รัฐประหาร"อย่างหนักแน่นและพยายามไม่แสดงความเห็นใดซึ่งแตกต่างจาก"พล.อ.อ.ชลิต"ที่มีการออกมาให้ข่าวดังกล่าว..ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้"ผู้ใหญ่อีกท่านหนึ่ง"ติดต่อผ่านบุคคลระดับสูงให้เข้าพบ แต่"พล.อ.อนุพงศ์"ยังคงยืนยันจุดยืน..
@@"หน่วยข่าวลับ"รายงานกรณีคดี"คุณหญิงนัทนนท์ ทวีสินธ์"อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร..ที่ถูกกล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้องกรณีการจัดซื้อเรือ-รถดับเพลิง และกำลังถูกดำเนินคดี..นั้นมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการที่"คุณหญิงนัทนนท์"เป็น"กุญแจสำคัญ"ที่มีหลักฐานและล่วงรู้ถึงปฎิบัติการบางอย่างเกี่ยวกับการเลือกตั้งทั่วไป (ช่วงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี อันอยู่ในช่วงหลังรัฐประหารที่มี คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกุมสภาพ...)ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพมหานคร ที่ผลสำรวจของสวนดุสิตโพล ระบุตรงในทุกจังหวัด แต่ในกรุงเทพมหานครกลับพลิกไปจากผลสำรวจทีจากเดิมพรรคพลังประชาชนจะได้ที่นั่งมากกว่า กลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์ได้ที่นั่งมากกว่า ..โดยกรณีดังกล่าวมีหลายฝ่ายได้ร้องเรียนไปยัง กกต.แล้ว..แต่ยังไม่มีการตรวจสอบในระดับลึก..ขณะที่มีรายงานจาก"วงใน"กรุงเทพฯมหานคร แจ้งว่า มีผู้พบเห็นการขนหีบบัตรและบัตรลงคะแนนจำนวนมากไปไว้ที่สนามกีฬานางเลิ้งและเตรียมที่จะทำการเผาทำลาย...
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)